Thursday, November 12, 2009

My twin

มีใครรู้บ้างว่าเรามีฝาแฝดด้วยนะ


เรื่องของเรื่องก็คือ มีพี่ที่ทำงานคนนึง (เค้าว่ากันว่า) หน้าตาเราสองคนเหมือนกันมาก เหมือนกับเป็นพี่น้องกันเลย แต่เราว่า...เหมือนเป็นฝาแฝดกันมากกว่า เพราะว่าคนจำผิดประจำเลยอ่ะ

1. เคยไปออฟฟิศที่ระยอง เจอพนักงานที่โน่นทักว่า "ขอโทษนะคะ ใช่พี่ P เลขาคุณ I รึป่าวคะ" ง่ะ....ไม่ใช่ค่ะ นี่บุ๋นเองค่ะ

2. ไป audit คนอินเดียคนนึง แล้วขอให้เค้าส่งเอกสารเข้าเมลให้หน่อย เค้าก็เปิดเมลจะส่งให้เรา ทีนี้เมลบริษัทมันเป็นเมลชื่อ + อักษรตัวเเรกของนามสกุล แกก็เลยกันมาถามเราว่า "ยู ชื่อ Parichart C หรือ P นะ" (ปาริชาด คือชื่อจริงของพี่ P) ง่ะ.........ไม่ใช่นะ ไอชื่อ Vakkapun ขนาดคนต่างชาติยังจำหน้าผิดเลยคิดดู

3. ร้านอาหารตามสั่งที่โรงอาหาร เราสั่ง มักกะโรนีกุ้ง พี่ P เดินมายืนข้างๆเรา สั่งราดหน้าทะเล ยืนรอซักพัก ราดหน้าทะเลออกมาส่ง แต่มักกะโรนีไม่มา (เนื่องด้วยเค้าคิดว่าเรากะพี่P เป็นคนๆเดียวกัน ก็เลยทำแต่ออเดอร์หลังเพราะคิดว่า เราเปลี่ยนใจจะสั่งราดหน้าแทน)

4. พี่ B ผู้จัดการเก่าแก่ เก๋าเกมอยู่มานาน (ผู้ชายนะ) วันนั้นเค้าบอกเลขาเค้าว่า เนี่ยมีคนสนใจจะซื้อวีออสต่อ (รถบริษัท) ช่วยส่งรายละเอียดไปให้เค้าหน่อย พี่เลขาก็ถามว่าใคร พี่ B ตอบว่า "ผู้หญฺิง แผนก QHSE ชื่อไรจำไม่ได้ ขึ้นต้นด้วยตัว V อ่ะ" เหอะๆๆๆ พี่เลขาก็เลยมาถามเรา (เพราะทั้งแผนก ชื่อตัว V มีเราคนเดียว) แต่เราไม่ได้คุยกะ พี่ B มานานเเล้วนะ แกจำผิดคนแน่ๆ แต่พี่เลขาบอกว่าแกยืนยันหนักแน่นมากว่าเป็น QHSE ช่ือตัว V เนี่ยเเหละ เราเลยบอกว่า พี่เลขาลองถามพี่ P ดูนะ บุ๋นว่าต้องเป็นพี่ P แน่เลย พี่ B คงจำผิดคน ปรากฎว่าเป็นพี่ P จริงๆด้วยล่ะ ที่สนใจจะซื้อรถ


นอกจากนี้ยังมีความบังเอิญอีกหลายอย่างที่ทำให้คนสับสนกะเราสองคน หัวหน้าพี่ P เป็นคนอังกฤษ อ้ะ...ว่าจะไม่บอกว่าพี่ P ชื่ออะไร เเต่ถ้าไม่บอกก็เล่าเรื่องนี้ไม่ได้นี่หว่า พี่ P ก็คือ พี่ Ple อ่ะ ต่อๆ ทีนี้คนอังกฤษ คุณ I เนี่ย ออกเสียงชื่อเปิ้ลไม่ได้ เค้าออกเสียงเป็น บัน เบิน อะไรประมาณนี้ เเล้วเวลาส่งเมล ว่าให้ส่งเอกสารให้พี่เปิ้ลที่เป็นเลขาเค้า เค้าจะบอกว่า Send to Bun คิดว่าอะไรจะเกิดล่ะ แน่นอน มีคนส่วนหนึ่งส่งมาให้เรา แทนที่จะส่งให้พี่เปิ้ล

ความบังเอิญอีกอย่างคือ เบอร์โต๊ะเราเลขใกล้กัน โต๊ะเรา 4419 โต๊ะพี่เปิ้ล 4119 ไม่ต้องคิดเลย เจอคนโทรผิด ประมาณเดิอนละ สองสามครั้ง


หรือเราสองคนจะเป็นเนื้อคู่ เอ๊ย เป็นฝาแฝดกันจริงๆล่ะเนี่ย




เหมือนมั้ยๆ เราว่าไม่เหมือนนะ แต่คนทักผิดบ่อยขนาดนี้ ยอมรับว่าเหมือนกันก็ได้ฟะ

Friday, November 6, 2009

salon from hell

เมื่อวานออกไปทำงานแต่เช้าเพื่อไปสระไดร์ที่ร้าน (ก็อากาศมันหนาว แล้วเค้าเป็นหวัด สระเองกลัวจะเป็นหวัดหนักกว่าเดิม) ไปถึงปุ๊ป ก็กวาดสายตามองหาร้านที่คนน้อยๆทันที (จริงๆเรามีร้านประจำนะ เอ....เรียกว่าร้านประจำก็ไม่ถูก เพราะว่าไม่ได้เข้าบ่อย ปีนึงมาสระไดร์ร้านแค่ 2-3 ครั้งเอง แต่ว่ามาทีไรก็จะเข้าร้านเดิมประจำ แต่ร้านประจำคนเยอะทุกทีเลย วันนี้กลัวเข้างานไม่ทัน เลยไม่เอาดีกว่า)

ไปเจอร้านนึงคนน้อยมาก มีคนนั่งไดร์อยู่แค่คนเดียว เดินเข้าไปเลยด้วยใจมาดมั่น



สระผมเสร็จ คนที่เข้ามาก่อนเราเค้าก็ออกไปแล้ว ทั้งร้านเลยเหลือเราอยู่คนเดียว ช่างสองคนก็เลยมาช่วยกันทึ้งหัวเรา

ตอนไดร์ เรารู้สึกว่าพอเค้าปล่อยผมช่อที่ไดร์เสร้จเเล้วมาโดนหน้าเรา มันร้อนมากๆๆๆๆ (แต่ทนได้) คิดในใจว่าสงสัยเราไม่ได้เข้าร้านทำผมนาน เลยไม่ชิน มองผ่านหางตา เห็นเหมือนมีควันขาวๆพวยพุ่งออกมาจากผมเรา (นึกสภาพว่าเอาเตารีดไปวางทาบบนผ้าที่พรมน้ำอ่ะ มันจะมีควันขาวๆลอยออกมา แบบนั้นเลย) เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ก้มหน้าก้มตาอ่าน Gossip ต่อไป พอไดร์ผมใกล้จะเสร็จ (เค้ากำลังใส่พวกแวกซ์ให้) มีลูกค้าคนใหม่เดินเข้ามา พร้อมกับพูดว่า โอ๊ย ควันอะไรเนี่ยเต็มร้านเลย


เราเลยเงยหน้า สะบัดผมที่บังลูกกะตาออก โอ้.....ควันอะไรฟะ ขาวๆ เต็มร้านเลย อย่างกะเมืองในหมอก (เเต่ไม่มีกลิ่นนะ) เราก็เลยถามช่างว่า ควันอะไรอ่ะ ช่างตอบว่า ควันที่ไดร์ผมอ่ะคะ เเล้วก็หลบตาเรา เดินไปเปิดประตูร้าน พร้อมพูดต่อว่า เปิดประตูดีกว่าจะได้ระบายควัน


เง้อ......ไอ้ควันเนี่ย มันคือควันจากการไดร์ผมชั้นใช่มั้ย ไดร์บ้าอะไรฟะ !!!!! เราก็ไม่อยากมีเรื่องอ่ะนะ ไม่สบายอยู่ แถมแปดโมงเเล้ว ได้ยินเสียงเพลงชาติไทยลอยมา รีบไปทำงานดีกว่า


แต่ที่แน่ๆ ร้านนี้ไม่เข้าอีกแล้ว salon from hell ชัดๆ มิน่าล่ะ ร้านถึงไม่มีคนเลย

Monday, November 2, 2009

ลอยกระทงงงงงงงง

กิจว้ตรประจำของทุกปี คือไปลอยกระทง ปีนี้เน้นง่าย (จริงๆก็เน้นง่ายทุกปีแหละ) ไปลอยที่วัดแถวบ้านคุณแฟน อยู่ตรงพระราม 3 วัดมันอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาเลย เราก็เลยได้ลอยกระทงในเเม่น้ำเจ้าพระยาอีกหนึ่งปี


แต่...ลอยในวัดปีนี้มันไม่ได้อารมณ์เลยอ่ะ เพราะว่าคนเยอะ ม่ายช่ายยยยยย ที่ไหนก็คนเยอะทั้งนั้น อันนี้ไม่เกี่ยวอ่ะ ที่เซ็งก็คือ ที่ท่าน้ำ มันมีเด็กๆว่ายน้ำ ซัก 4-5 คน เดาว่าคงเป็นเด็กวัดน่ะเเหละ คือ...ว่ายกันริมตลิ่งน่ะเเหละ น้ำกระเพื่อมไปมา แล้วตูจะลอยยังไงวะ ไม่ต้องห่วงน้องๆพวกนี้หวังดี บางคนก็รับกระทงจากมือเจ้าของไปปล่อยในน้ำไกลๆให้ (ไกลมากกกก ห่างจากฝั่งตั้งหนึ่งจ้ำ) บางคนก็ช้อนกระทงที่คนเค้าเพิ่งปล่อยลงน้ำ เอาไปปล่อยในน้ำไกลๆ หนึ่งจ้ำอีกเช่นกัน เเล้วก็ว่ายกันไปมา น้ำกระเพื่อม กระทงลอยไม่เป็นระส่ำเลย เฮ้อ...........

ที่สำคัญอีชั้นกะคุณแฟนปล่อยกระทงเคียงคู่กัน ลอยคู่กันน่ารักน่าเอ็นดู แต่....ยังไม่ทันได้ชื่นชมกระทงเลย ไอ้เด็กน้อยมันก็ช้อนกระทงเราข้างนึง คุณแฟนข้างนึง ไปปล่อยในน้ำระยะห่างจากจุดสตาร์ทประมาณหนึ่งเมตร ทีนี้มันวางคนละมือ และวางไม่พร้อมกัน กระทงเลยไม่ลอยคู่กันเลย เซ็งเป็ดจริงๆ

ถึงจะแอบเซ็งเล็กน้อย เต่ก็อิ่มอกอิ่มใจ เพราะว่ากระทงที่เราซื้อเป็นกระทงที่วัดทำเอง เอาเงินหยอดลงกล่องบริจาคของวัด เเล้วก็หยิบกระทงไปหนึ่งอัน อืม.....ได้บุญ ได้ทำนุบำรุงศาสนา ดีใจจัง

Sunday, November 1, 2009

หนุกหนานกับการประกวดร้องเพลง

ที่ทำงานมีการประกวดร้องเพลง เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะสามคนไปร้องในงาน Annual Dinner ของบริษัท ไอ้รอบเเรกเนี่ย เราไม่ว่าง เลยไม่ได้อยู่ดู เเต่ทุกคนคอนเฟิร์มว่า สนุกโคตรๆ เราก็เลยไปนั่งดูในรอบรองฯ สนุกจริงๆ ไม่ผิดหวัง

รอบแรกมีหนุ่มน้อยคนนึง สมมติว่าชื่อ J เค้าออกมาร้องเพลง แค่คนอีกคน ของปราโมทย์ วิเลปะนะ ก่อนร้องเค้าก็บอกว่า....ขอมอบเพลงนี้ให้ผู้หญิงคนนึง วันรุ่งขึ้นกลายเป็น talk of the company ใครคือสาวคนนั้นกันหนอ ในที่สุดเราก็รู้ (และคนอื่นๆก็รู้กันทั้งบริษัท) ก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าจีบกัน หรือ เค้ากะลังจะเป็นแฟนกัน หรือผู้ชายเเค่แอบชอบเฉยๆ แต่เอาเป็นว่าเจ๋งจิงไอ้น้อง



พอรอบรอง น้อง J ก็เปลี่ยนเพลงค่ะ ก่อนร้องก็ยังคงเหมือนเดิม...เพลงนี้ผมของมอบให้ผู้หญิงคนเดิมนะครับ แค่คนอีกคน คนที่ไม่สำคัญ โอ้......เลี่ยนอีกเเล้ว แล้วก็ร้องเพลงพี่พลพล คนไม่สำคัญ และวันนี้...สาวคนนั้นมาดูด้วยล่ะ ตากล้องก็พยายามถ่ายน้องเค้าขึ้นจอสุดฤทธิ์ น้องเค้าก็หลบสุดฤทธิ์เช่นกัน



หนุ่มอีกคนนึง หนุ่ม M (รอบแรกไม่ได้ดู) แต่รอบนี้...มาเป็นพี่เคนกันเลยทีเดียว ใส่เเจ๊กเก็ตสีน้ำเงิน แว่นตาดำ (ร้อนจะตายเพราะตอนเย็นแอร์มันปิดเเล้ว เเต่เพื่อความเท่ห์ M ทนได้) และเเน่นอนมาเป็นพี่เคนแบบนี้ก็ต้องร้องเพลง....งโปรดส่งใครมารักฉันที ที่เรียกเสียงกรื๊ดมากคือ ตอนท่อน คอยบอกตัวเองว่าต้องมีซักวัน ที่เจอคนที่เค้าจริงใจ....ก็มานั่งยองๆ จ้องหน้า ร้องให้เพื่อนผู้หญิงคนนึงที่นั่งอยู่หน้าเวที โอ๊ย.....เรียกเสียงกรี๊ดได้มากเลย เเล้วก็ดึงมือสาวคนนั้นขึ้นเวทีไปด้วย เเต่ไอ้เจ้าสาวคนนี้ (เพื่อนเราเอง) มันไม่ยอมลุกเนี่ยซิ เป็นเราหน่อยไม่ได้ โดดขึ้นเวทีไปด้วยละ



หนุกหนานฮาเฮมากๆ พูดเลเ้วก็อยากดูรถไฟฟ้ามาหานะเธอมากๆเลย ยังไม่ได้ดูเลยอ่ะ อยากดูเเต่ไม่กล้าไปดู เพราะรู้สึกว่า ชีวิตเรามันเเย่ๆเซ็งๆ ถ้าไปดูเเล้วอาจจะหนักกว่าเดิม (พูดเว่อร์ไปงั้นเเหละ คือไม่อยากไปนั่งร้องไห้ฟูมฟายว่าเหมือนชีวิตกูเลย อะไรเเบบนี้)