Sunday, March 13, 2016

TAIWAN : จิบกาแฟรอใครซักคนที่ Cafe.Waiting.Love

ร้านกาแฟร้านนี้เป็นร้านดัง และฮิตของไต้หวันนะคะ   เท่าที่ทราบ เหมือนกับว่าที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังไต้หวันเรื่องนึง ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ดังมาก (อย่าถามชื่อนักแสดงนะ  อย่างที่บอกว่าไม่เคยติดตามทั้งเพลง และละครไต้หวัน)  หนังชื่อเดียวกับร้านเลยค่ะ  等一個人咖啡  (เติ่ง อี เก้อ เหริน คา เฟย   แปลเป็นไทยว่า ร้านกาแฟรอใครคนนึง) แต่ชื่อภาษาอังกฤษคือ Cafe.Waiting.Love

อันนี้เป็นโปสเตอร์หนังที่ติดอยู่ในร้านพร้อมลายเซ็นต์นักแสดง



อันนี้เป็นตัวอย่างหนังค่ะ เป็นหนัง romantic comedy ค่ะ



รู้สึกว่าร้านกาแฟนี้จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถ่ายหนังเรื่องนี้เลย และเมนูกาแฟในร้านก็จะเป็นเมนูเหมือนในหนังค่ะ

ขอเล่าที่มาหน่อยว่าเรารู้จักได้ยังไง ? เพลงไต้หวันก็ไม่ฟัง  หนังไต้หวันก็บอกว่าไม่ดู  คือ......เราชอบเรื่องของกินอยู่แล้ว  ทีนี้พอต้องไปไต้หวันบ่อยๆ  เราก็ไม่อยากจะกินแค่พื้นๆ  อะไรเด็ด อะไรดัง เราก็อยากจะลองค่ะ   เนื่องจากหาข้อมูลเองลำบาก (เพราะภาษาจีนก็ง่อยๆ)  ก็เลยใช้วิธี follow IG  เซเลบไต้หวัน กับนิตยสารไต้หวัน เพื่อที่ว่าเวลาเค้าลงอะไรเจ๋งๆ จะตามไปลอง     แต่สำหรับร้านนี้เราตามมาจาก IG น้องบี้สุดที่รักของเรา 555   วันนึงบี้เค้าโพสต์รูปที่ไต้หวันค่ะ  ยืนหล่ออยู่แล้วใส่ location เป็นร้านกาแฟร้านนี้  ซึ่งสร้างความข้องใจให้เรา  เพราะในรูปคืออยู่ริมถนน  ไม่ได้มีอะไรในรูปที่สื่อถึงกาแฟ   แต่ทำไมต้องใส่ว่าเป็นร้านกาแฟหว่า.....แสดงว่ามันต้องควรค่าแก่การโพสต์ซินะแม้ว่ามันจะไม่อยู่ในรูปก็ตาม       หลังจากนั้นความสงสัยทำให้เรากดเข้าไปดูค่ะ ว่ามีรูปใน IG รูปไหนที่ลง location ที่นี่บ้าง   (เราเป็นเด็กวิทยาค่ะ  คุณสมบัติพื้นฐานของนักวิทย์ที่ดีคือ ช่างสังเกตและอยากรู้อยากเห็น 555)    ปรากฏว่า โอ้โห......มีคนลงรูปใน IG แล้วใส่ร้านนี้ตรึมเลยค่ะ  ไม่ได้ละ  ต้องโดน!!!

ไปถามสามีว่า รู้จักร้านนี้มั้ย   เค้าบอกว่า เออ....มีเพื่อนชาวไต้หวันเคยพูดให้ฟังว่ามันดังนะร้านนี้  แต่ไม่เคยลองเหมือนกัน   ป่ะ พรุ่งนี้เราไปลองกัน     (สามีเค้าน่ารักที่ซู้ดดดดดดดดด)

รูปต้นเหตุ ที่ทำให้เรากลายเป็นนักสืบตามดู และตามไปกินค่ะ  (รูปจาก IG ของบี้ เครดิตตามภาพนะคะ)


เอ้า.....กลับมาที่ร้านกาแฟของเราค่ะ  แน่นอนว่าร้านกาแฟมีมาเพราะหนัง   และถ้าคนแค่เห่อร้านนี้เพราะดูหนัง  มันคงจะไม่ดังมานานถึงป่านนี้ (เพราะหนังตั้งแต่ปี 2014)   ดังนั้นร้านต้องมีอะไรดีจริงๆค่ะ  (ก่อนที่จะเขียนรีวิวนี่ เราหาหนังเรื่องนี้มาดูแล้วค่ะ  สนุกดีค่ะ พอดูแล้วก็รู้ที่มาของเมนูมากขึ้น)

ร้าน Cafe.Waiting.Love นี่มี 5 สาขานะคะ ไทเปมี 3 สาขา  เกาสง 1 สาขา และไถหนาน 1 สาขา  ร้านมีเฟสบุคค่ะ https://www.facebook.com/coffeewaitinglove  

อันนี้เป็นที่อยู่และเวลาเปิดปิดของแต่ละสาขานะคะ 




ส่วนสาขาที่เรามาลองคือ สาขา市府店 mini cafe ค่ะ   ชื่อก็บอกแล้วว่า mini  ร้านนี้จะเล็กหน่อยค่ะ  สามารถนั่งmrt มาลงที่สถานี Taipei City Hall ออก ทางออกที่ 4 ได้ค่ะ (ร้านอยู่ตรงข้าม W Hotel)

สำหรับเวลาเปิดปิดสาขานี้นะคะ

วันจันทร์-ศุกร์ เปิด 7.30-22.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิด 10.00-22.00 น.

หน้าร้านค่ะ



 เมนูแนะนำที่ตั้งอยู่หน้าร้าน  ถ้าสั่งเกิน 500 เหรียญเค้ามี delivery ด้วยนะคะ 



บรรยากาศในร้านค่ะ สาขานี้จะแคบค่ะ มีที่นั่งนิดเดียว





มี wifi ด้วยนะ



อันนี้เป็นภาพสูตรกาแฟ ซึ่งเป็นส่วนนึงในหนังค่ะ




  


ร้านนี้จุดเด่นคือ ชงกาแฟด้วย Moka pot      Moka pot คืออะไร ?  คือกาต้มกาแฟแบบคลาสสิกของอิตาลีค่ะ  มีใช้มานานแสนนาน  ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่  ซึ่งเราเองก็ใช้กาแบบนี้ต้มกาแฟสดดื่มที่บ้านเหมือนกันค่ะ  

Moka pot หน้าตาแบบนี้ค่ะ   ใส่น้ำที่ด้านล่าง แล้วก็ใส่กาแฟในกรวยตรงกลาง จากนั้นก็นำไปตั้งเตาค่ะ  พอน้ำเดือด กาแฟก็จะไหลขึ้นมาข้างบน  หลังจากนั้นเราก็เทใส่แก้ว ดื่มได้เลยค่ะ



Moka pot เรียงราย พร้อมใช้งาน 



ร้านนี้ก็มี Moka pot และผลิตภัณฑ์ของ BIALETTI (Moka pot ของบริษัทนี้เป็นที่นิยมมากค่ะ มีหลายรุ่น หลายแบบ)


เมนูบางส่วนค่ะ     เมนูไม่ได้มีภาษาอังกฤษทุกหน้านะคะ  บางหน้าก็มีแต่ภาษาจีน



หน้านี้เป็นกาแฟแบบมีแอลกอฮอล์




นอกเหนือจากกาแฟ ก็มีเครื่องดื่มอย่างอื่น เช่น ชา,โกโก้, Soda drinks, น้ำผลไม้

เอาล่ะค่ะ มาพูดถึงสิ่งที่เรากินเคยสั่งบ้าง  แน่นอนว่าสิ่งแรกก็ต้องสั่งเมนูยอดฮิตอันดับหนึ่งเลยค่ะ คือ 老闆娘特調 (เหลา ปั่น เหนียง เท้อ เถียว แปลเป็นไทยปนอังกฤษว่า เถ้าแก่เนี๊ยะ special blend)   เมนูนี้มาในหนังค่ะ  เนื่องจากว่าเถ้าแก่เนี๊ยะเจ้าของร้านเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ ดื่มแล้วปวดท้อง แต่สูตรนี้เป็นสูตรพิเศษที่แกดื่มได้


หน้าตาของ เถ้าแก่เนี๊ยะ special blend ค่ะ (มีทั้งแบบร้อนและเย็น แต่เค้าแนะนำเย็นค่ะ) แก้วนี้ 150 เหรียญ



ดูดีมั้ยคะ  ไม่เหมือนกาแฟเลย   กาแฟเค้าจะเป็นลักษณะว่าเอามาใส่เชคเกอร์เขย่าค่ะ  เลยจะได้เป็นกาแฟเย็นแบบที่ไม่มีน้ำแข็ง   แล้วผสมมะนาวค่ะ   เห็นเศษเขียวๆที่โรยอยู่ด้านบนแก้วมั้นคะ  เป็นผิวมะนาว    แก้วนี้นะคะ อร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นกาแฟที่ไม่เหมือนกาแฟ  เหมือนกินพวกค็อกเทล  รสเปรี้ยวของมะนาวไม่โดดออกมา  กลมกล่อม นุ่มนวลมากเลย  แนะนำเลยค่ะ  ให้คะแนนเต็ม

ขอเก็กสวยถ่ายรูปหน่อย



สิ่งที่สั่งต่อๆมาก็เป็นกาแฟที่ฮิตอันดับสองและสามเลยค่ะ  (เราดูตามป้ายหน้าร้านแล้วสั่ง)

黑糖拿鐵 (เฮ ถัง หนา เถี่ย  ลาเต้น้ำตาลทรายแดง)​​ ราคา 135 เหรียญ  ถ้าสั่งแบบเย็นจะราคา 150 เหรียญ



และ 自家摩卡拿鐵 (จื้อ เจีย หมอ ข่า หนา เถี่ย  มอคค่าลาเต้สูตรของทางร้านเอง) ราคา 135 เหรียญ  ถ้าสั่งแบบเย็นจะราคา 150 เหรียญ


กาแฟสองแก้วนี้ก็ใช้ได้ค่ะ แต่เนื่องจากมันไม่พิเศษเท่าแก้วแรก ที่เราประทับใจมากกกกกกกก

ต่อมาก็ลองสั่งของที่เริ่มแปลกขึ้นค่ะ 華山論劍 之黯然銷魂 (หัว ซัน ลุ่น เจี้ยน จือ อั้น หลัน เซียว หุน  .....คำนี้ไม่รู้จะแปลยังไงค่ะ มันเป็นภาษาสวยๆ ที่ความรู้ระดับเด็กป.5 ผู้ซึ่งไม่มีความรู้เรื่องนิยายและประวัติศาสตร์ไต้หวันอย่างเราไม่เข้าใจ  เหมือนว่าเป็นความเศร้าโศกจากการพรากจากกันของการประลองกระบี่เขาหัวซัน >>>> เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ  ปล่อยมันไป)   เอาง่ายๆว่าเป็นกาแฟใส่หัวหอมเผาก็แล้วกันค่ะ แก้วนี้ 190 เหรียญ

เมนูนี้เราไปถ่ายทำขั้นตอนมาด้วยค่ะ

เริ่มจากเตรียมต้มกาแฟด้วย Moka pot



โรยพริกไทยลงไป



จากนั้นก็ต้มกาแฟค่ะ 

กาแฟเดือดแล้วๆๆๆๆ



กลับมาเตรียมขั้นตอนต่อไปค่ะ  เอาหัวหอมใหญ่มา


ใส่น้ำแข็งและหัวหอมใหญ่ลงในเชคเกอร์ ตักน้ำตาลทรายเพิ่มลงไป



เผาหัวหอมใหญ่ซะหน่อย



จากนั้นเอากาแฟเทลงไป



เชคๆๆๆ




จากนั้นก็เทลงในแก้วที่มีน้ำแข็ง



เอาหัวหอมใหญ่วางลงไป



โรยน้ำตาลทรายอีกหน่อย




จากนั้นนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ แล้วก็จุดไฟค่ะ


จบกระบวนการ ได้ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ  พร้อมดื่มแล้ว 



เจ้ากาแฟหัวหอมเผานี่ เราว่าแปลกๆดีค่ะ  จะมีกลิ่นหัวหอม และรสหวานนิดๆ ของเม็ดน้ำตาลทราย    ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นและรสชาติของหัวหอมใหญ่ก็ข้ามเมนูไปได้เลยค่ะ   แต่เราถือว่าโอเคนะ  กินได้ค่ะ อร่อยดี (แต่ถ้าเลือกเราก็ชอบ เถ้าแก่เนี๊ยะ Special blend มากกว่า)

กาแฟอันสุดท้ายที่จะพูดถึง (ตัวนี้เราไม่ได้ลองค่ะ  สามีเราลอง)  在愛情裡 不被愛的才是小三 (ไจ้ อ้าย ฉิง หลี่ ปู๋ เป้ อ้าย เตอะ ไฉ ซื่อ เสี่ยว ซัน แปลว่า ในเรื่องความรัก คนที่ไม่ได้รับความรักก็คือเมียน้อย/กิ๊ก >>> เสี่ยว ซัน แปลว่า คนที่สาม/เมียน้อย/กิ๊ก)  คือกาแฟร้านนี้ชื่อย๊ากยาก ยาวด้วยนะเนี่ย   เจ้ากาแฟเมียน้อยนี่มีเหล้านะคะ      กาแฟแบ่งเป็น 3 ชั้น (เข้าใจเองว่าน่าจะเป็นที่มาของชื่อเสี่ยวซัน)    ด้านบนมีโรยผงโกโก้กับผิวมะนาว  ทำให้มีกลิ่นของมะนาว แต่ไม่ได้มีรสชาติเปรี้ยวของมะนาว  หอม อร่อย หวาน  แต่ตัวกาแฟเองไม่เข้ม     ถือว่าเป็นอีกตัวที่น่าลองเลยค่ะ 





เรามาลองของหวานกันบ้างค่ะ  ให้คนขายแนะนำ เค้าแนะนำ 藍莓起司鬆餅 (หลัน เหมย ฉี่ ซือ ซง ปิ่ง  Blueberry and Cheese Waffles)  ราคา 180 เหรียญ  เมนูนี้ก็อร่อยมากๆค่ะ วาฟเฟิลที่นี่จะกรอบๆ และไม่หวาน  กินคู่กับไอศกรีมวนิลา ซอสบลูเบอรี่ ครีมชีส  มันทำให้รสกลมกล่อมมาก  เปรี้ยวๆหวานๆ กำลังดีเลยค่ะ





อีกเมนูนึงที่ลองก็คือ 手工提拉米蘇 (โซว่ กง ถี่ ลา หมี่ ซู  หรือ Homemade Tiramisu) ราคา 120 เหรียญ  อันนี้อร่อยแบบธรรมดาๆค่ะ 




อิ่มแล้วก็ลองดูของตกแต่งบ้าง 555 จานรองแก้วกับทิชชู่เค้าก็น่ารักนะคะ




น้ำดื่มที่เสิร์ฟค่ะ  ตอนแรกเรานึกว่าแจกันตกแต่ง 555  เป็นน้ำแช่มินต์กับเลมอน



ร้านนี้เราบอกเลยว่าแนะนำค่ะ  เราชอบมากๆ ประทับใจทั้งในกาแฟและขนมของเค้า   ถ้าไปไต้หวันอีกเมื่อไหร่ เราไปซ้ำแน่นอนค่ะ  เท่าที่ลองดื่มร้านกาแฟของไต้หวันมา ร้านนี้เด็ดที่สุด !!!! 

สนใจแล้วใช่มั้ยคะ  ถ้าสนใจก็ตามมาเลยค่ะ  มีแผนที่ให้ : )



Wednesday, March 9, 2016

TAIWAN : วีซ่าจ๋า วีซ่า

ตอนแรกว่าจะไม่เขียนเรื่องนี้ เพราะสมัยก่อนการขอวีซ่า มันสุดแสนจะสบาย รอไม่นาน  เดี๋ยวนี้คือ.....มารอรับบัตรคิวกันตั้งแต่ 7 โมง OMG!!!!  จะมาทำไมเช้าขนาดนั้น

แต่ช้าก่อน !!! เพียงแค่คุณมีวีซ่า หรือ สิทธิพำนักถาวร ของประเทศ อเมริกา, แคนาดา, ญี่ปุ่น, อังกฤษ กลุ่ม Schengen, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ที่ยังไม่หมดอายุ สามารถเดินทางเข้าไต้หวันได้โดยไม่ต้องทำวีซ่าค่ะ  ดี๊ดี   ..........แต่ชีวิตเราไม่ดีแบบนั้นค่ะ 555 เลยต้องมาทำวีซ่าต่อไป  ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มที่ว่านี้ ก็เข้าไปกรอกเอกสารที่นี่ค่ะ https://niaspeedy.immigration.gov.tw/nia_southeast/ แล้วก็ปรินต์ออกมา เก็บไว้ไปโชว์ที่ตม.ไต้หวันค่ะ  รายละเอียดสำหรับผู้ที่ยกเว้นการขอวีซ่าดูได้ที่นี่ค่ะ http://www.taiwanembassy.org/TH/ct.asp?xItem=564857&ctNode=1813&mp=232


กลับมาเรื่องชีวิตมนุษย์ต้องทำวีซ่าแบบเราต่อ   ขอพูดเรื่องสมัยก่อนนะ (จริงๆก็ไม่นานมากประมาณ 3 ปีก่อน)   ลักษณะการขอวีซ่าไต้หวัน จะเป็นว่า ยื่นขอวีซ่าเฉพาะช่วงเช้า   และรับวีซ่าเฉพาะช่วงบ่าย    โดยคิวก็ไม่มากมาย แต่ก่อนเราจะมาประมาณ 10 โมง - 10 โมงครึ่ง ก็ได้คิวที่ 50 กว่าๆ  รอซัก 11 โมงครึ่งก็จะได้ยื่นวีซ่า  

แต่สมัยนี้มา10 โมงกว่าๆ ได้คิวหลักร้อย !!! แถมติดพักเที่ยง ต้องไปเดินเล่นกินข้าวก่อน แล้วกลับมาหลังบ่ายโมงครึ่ง  อย่างเซ็ง!!!

ที่เป็นอย่างนี้ เดาว่าคนนิยมไปเที่ยวไต้หวันมากขึ้น เพราะมีสายการบิน low cost หลายเจ้า

ทำวีซ่าที่ไหน ? สถานที่ทำวีซ่าคือ ชั้น 20 Tower 2 ตึกเอ็มไพร์ ตรง BTS สถานีช่องนนทรีพอดีนะคะ

ตามสไตล์ของเรา เราก็ไม่ตื่นเช้าฝ่ารถติดมารับบัตรคิวหรอก แถมปั๊มบัตรจอดรถที่นี่นะ ได้ฟรีแค่หนึ่งชั่วโมงเอง  แล้วค่าจอดน่ะ ชัวโมงละ 50 บาท !!!  >>> ที่จอดรถหาไม่ยากเท่าไหร่ มากี่ครั้งก็มี แต่ว่าค่าจอดมันแพงไง เรามารอคิวนานเกินกว่าตราประทับ  คิดแล้วไม่คุ้ม นั่งBTS มาดีกว่า   ฉะนั้น เราก็จะมาประมาณ 10 โมงเหมือนเดิม รับบัตรคิวปุ๊ป ก็ออกไปเลย กินข้าวเดินเล่น สบายใจ แล้วกลับมาใหม่ตอนบ่ายโมงครึ่ง (รอบบ่ายจะเริ่มเรียกตอนประมาณบ่ายโมงครึ่ง)

วันนี้มา 9.50 น. ได้คิวที่ 99 ค่ะ เลขสวยเชียว   (ตอนเรารับบัตรคิว  เค้าเพิ่งเรียกถึงคิวที่ 15 เองนะคะ  ลองพิจารณาเอาเองค่ะ ว่าคุณอยากรีบมาเช้าๆ แล้วทำให้เสร็จก่อนเที่ยง  หรือว่ามาสายๆ แล้วลากยาวถึงบ่ายแบบเรา   เพราะมาเช้าก็รอเป็นชั่วโมงเหมือนกันค่ะ)



คิวเช้าจะเรียกถึงประมาณคิวที่ 70   คิวที่ 99 อย่างเรา ..... สบายใจ ไม่ต้องพะวงเลย รอบบ่ายชัวร์!!!   แต่ๆๆๆ ถ้าคุณได้คิวรอบบ่าย แนะนำว่าห้ามเอ้อระเหย มาสายมากนะคะ เพราะคิวบ่ายอาจจะรันเร็วกว่าคิวเช้า เนื่องจากมีคนเปลี่ยนใจกลับบ้านไปแล้ว ทำให้คิวกระโดดไป

ที่นี่ดีหน่อยที่ว่าให้ใครยื่นขอวีซ่าแทนก็ได้ เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องมาเอง ทั้งตอนยื่นและรับวีซ่า

ส่วนเรื่องเอกสารยื่นวีซ่า เราขอข้ามไปเลย เพราะเรายื่นแบบไม่เหมือนชาวบ้านค่ะ  แม่สามีเป็นชาวไต้หวัน ดังนั้นเราจะมีหนังสือรับรองจากแม่สามี ว่าเป็นลูกสะใภ้ และจะไปเยี่ยมญาติ บลาๆๆ  อ้อ...เราขอเป็น multiple นะคะ      เอกสารเราอาจจะไม่มีตั๋วเครื่องบิน หรือตารางเที่ยว ใบจองโรงแรมเหมือนคนอื่น  แต่มีเอกสารของแม่สามี และของสามีเพิ่มมาแทน

เอกสารสำหรับขอวีซ่า ที่แปะบอร์ดเอาไว้


เอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่าที่แจ้งไว้ในเวบไซต์

เมื่อเรามีเอกสารครบก็อย่าลืมว่าต้องกรอกแบบฟอร์มในอินเตอร์เน็ต และปรินต์ออกมาด้วยนะคะ ที่นี่ไม่มีแบบฟอร์มให้ และไม่มีคอมพิวเตอร์ให้กรอกนะคะ  ต้องเตรียมมาเองให้พร้อม  แบบฟอร์มสามารถเข้าไปกรอกได้ที่นี่ค่ะ  https://visawebapp.boca.gov.tw     สามารถเก็บไว้ได้ 30 วันนะคะ หลังจากนั้นถ้ายังไม่มายื่นขอวีซ่าก็ต้องเอาไปทำใหม่ค่ะ

พอมาถึงชั้น 20 ผ่านเครื่องแสกน แล้วก็ติดต่อที่โต๊ะรับบัตรคิวค่ะ ลุงที่นั่งตรงนี้แกจะคอยตรวจเอกสาร และให้ข้อมูลต่างๆเบื้องต้นกับเรา   แกใจดีค่ะ

 พอทุกอย่างเรียบร้อยก็รอคิวยาวๆไป   (เราก็ไปเที่ยวเล่นเลยค่ะ กลับมาตอนบ่าย)

เรากลับขึ้นมาตอนบ่ายโมงเกือบครึ่งค่ะ คิวรอบเช้าหยุดที่ 71



เคาท์เตอร์ยื่นขอวีซ่า มี 3 ช่อง สมัยก่อนแบ่งยื่นวีซ่าเฉพาะเช้า และรับวีซ่าเฉพาะบ่าย  ทำให้ตอนเช้าเปิดยื่นวีซ่า 3 ข่อง และตอนบ่าย ยื่นรับวีซ่า 2-3 ช่อง   แต่ปัจจุบันไม่ใช่ค่ะ  เพราะคิวขอวีซ่าล้นไปถึงช่วงบ่าย ทำให้ช่วงบ่ายเป็น ยื่นวีซ่า 2 ช่อง และรับวีซ่า 1 ช่อง  >>>>เวลารับวีซ่าสมัยก่อนเราก็จะมาสายๆเหมือนกันค่ะ บ่ายสองโมงครึ่ง เกือบๆบ่ายสาม จะได้ไม่ต้องมารอนาน แต่เดี๋ยวนี้มาสายๆ ก็ต้องรอเป็นชั่วโมงๆเหมือนกันค่ะ   ดังนั้น.....เราก็จะมารับบัตรคิวรับวีซ่าตั้งแต่ 12.30 น.ค่ะ  แล้วก็ไปกินข้าวให้สบายใจ ตอนบ่ายค่อยกลับขึ้นมาใหม่

ระหว่างที่เรารอๆอยู่ ตอนประมาณ บ่ายสองโมง คิวรับวีซ่าเรียกถึงคิวที่ 14 ค่ะ (ยังมีคนรออีกประมาณ 80 คิว)   ส่วนคิวยื่นขอวีซ่าเพิ่งขยับไปถึงแค่ 74 (ยังมีคนรออยู่ประมาณ 60 คิว)



คิวที่ 99 ของเราได้ยื่นเอกสารตอนประมาณ 15.15 น. ค่ะ    ณ.เวลานั้น คิวรับวีซ่าก็เรียกถึงประมาณคิวที่ 60 กว่าๆ   สรุปเวลาตั้งแต่เราเริ่มรับบัตรคิว จนยื่นเอกสารเรียบร้อยคือ 5 ชั่วโมงครึ่ง (รวมเวลาพักเที่ยง)  ทรหดอดทนเหลือเกิน  (แต่มีหนีไปเดินเล่นประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง)

พอยื่นวีซ่าเสร็จ อีก 2 วันก็มารับพาสปอร์ตกับวีซ่าค่ะ (ยื่นวันจันทร์ ก็จะมารับบ่ายวันพุธ). จบกระบวนการ

เอกสารสำหรับมารับพาสปอร์ตและวีซ่า ค่าธรรมเนียมขอวีซ่าในตอนนี้คือ Single 1,500 บาท Multiple 3,000 บาท   แต่เค้าแจ้งว่าวันที่ 1 เมษายน 2559 จะขึ้นราคาเป็น 1,700 บาท และ 3,400 บาทนะคะ  อาจจะต้องตามอัพเดทข้อมูลตรงนี้อีกที




อ้อ.....ขอแจ้งเวลาทำการนิดนึงนะ  ณ ตอนนี้นะคะ  อนาคตอ่านมีการเปลี่ยนแปลง หรือเราอาจจะให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง 100 %  ลองโทรถามตามเบอร์ในรูปดูอีกทีก็ดีค่ะ

คิวสำหรับยื่นขอวีซ่า  เริ่มเปิดรับคิว 8.30 น.- 11.30น.​ (แต่ว่าเริ่มเรียกคิวแรกกี่โมงนี่เราไม่แน่ใจค่ะ น่าจะ 9.00น.นี่แหละ)
คิวสำหรับรับพาสปอร์ตและวีซ่า  เริ่มเปิดรับคิว 12.30 น. - 15.00 น.  (แต่ว่าเริ่มเรียกคิว 13.30 น.)


ป.ล. ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาเพราะคิดว่าการถ่ายรูปในบริเวณนี้คงไม่สมควรเท่าไหร่  เลยซูมเอาแค่พวกป้ายคิวเพื่อเป็นข้อมูลค่ะ