ไม่มีอะไรมาก แค่อ่านพวก blog หรือ กระทู้ที่ชาวบ้านเค้าเขียนเรื่องเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต แล้วเราคิดไม่เหมือนเค้าแต่เราไม่ใช่พวกชอบแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว เลยเงียบๆไว้) แต่ก็ขอใช้พื้นที่ blog ของตัวเอง เขียนเกร็ดเล็กน้อยเรื่องเงินในแบบของเราซะหน่อย เพราะพ่อแม่เราทำงานธนาคารทั้งคู่ เราก็เลยมีคนสอนเรื่องการเงินมาตลอดตั้งแต่เด็ก คิดว่าเป็นอีกมุมมองนึงที่อาจจะมีประโยชน์นะ (ถึงแม้ว่าบางอย่างจะโบร๊าณ โบราณจนไม่มีแล้วก็เหอะ)
1. ฝากเงินเถอะ พ่อให้เราเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ตั้งแต่ชั้นประถม เพราะเวลาได้เงินจากลุงป้าน้าอาตอนปีใหม่ หรือ สงกรานต์ เรากับพี่ชายจะเอาไปซื้อการ์ตูน ซื้อโน่นซื้อนี่ หรือไม่งั้น ถ้าหยอดกระปุกเก็บไว้ เงินก็อยู่นิ่งๆ ไม่งอกเงย ได้เท่าไหร่ก็ฝากธนาคารไปเรื่อยๆ มันก็ได้ดอกเบี้ยนะเออ (สมัยนั้นดอกเบี้ยสูงอยู่นะ ดีกว่าสมัยนี้เยอะ) >>> มีบัญชีแล้วก็ต้องมี ATM ด้วย เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้สามารถเอาเงินออกมาใช้ได้
2. ตั้งรหัส ATM อย่างไรดี ? สมัยก่อนธนาคารจะไม่ได้เอาแป้นมาให้เรากดรหัสเอาเองเหมือนสมัยนี้ ตอนนั้นจะมีรหัสมาให้อยู่ในกระดาษคาร์บอน แล้วเราค่อยไปกดเปลี่ยนรหัสที่ต้องการเอาเองจากตู้ ATM พ่อบอกว่าให้เราใช้รหัสที่เค้าให้มานั่นแหละ เป็นรหัส ATM เลย เพราะอะไร ? เพราะว่าคนส่วนใหญ่จะตั้งรหัสเป็นตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เพราะจำได้ไม่ลืม เช่น วันเกิด ปีเกิด บ้านเลขที่ เลขบัตรประชาชน ทะเบียนรถ เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ ซึ่ง.......มันง่ายสำหรับคนขโมยบัตรเราไป ถ้าเค้ารู้ข้อมูลส่วนตัวพวกนี้ จำเลขใหม่ในชีวิตแค่ 4 ตัว แต่ชีวิตจะปลอดภัยขึ้นเยอะ จากนั้นจะมีอีกกี่ใบ ใช้รหัสเดียวกันหมดก็ได้
3. บัตรเครดิตมีเยอะๆนั่นแหละดี บ้านเราทุกคนมีบัตรเครดิตกันเยอะมากกกกก แทบจะครบทุกธนาคาร เพราะว่าแต่ละบัตรนั้นมีโปรโมชั่นต่างกัน บางทีไปที่นี่ใช้บัตรนี้แล้วมีส่วนลด ใช้บัตรนี้ได้จอดรถช่องพิเศษ ฯลฯ ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมรายปี ขอเวฟตลอด ไม่เคยต้องจ่ายเลย อ้อ....ควรจะมีทั้งบัตรธนาคารไทยและบัตรธนาคารต่างประเทศนะ เพราะบางทีไปต่างประเทศแบงค์อินเตอร์พวกนี้ก็มีโปรโมชั่น
นี่เป็นรูปส่วนหนึ่งของบัตรที่เรามี (รูปนี้โบราณละ บางบัตรก็ไม่มีในเมืองไทยแล้ว อย่าง HSBC ขี้เกียจถ่ายใหม่ ไม่อยากจะโชว์) >>> ถ่ายรูปเก็บไว้ตั้งแต่ปี2008 เพราะอยากเขียนเรื่องนี้ แต่เพิ่งจะได้มาเขียน 555
4. ซื้อของใช้บัตรเครดิตตลอด สืบเนื่องจากข้อ 3. มันมีโปรโมชั่นไง ไม่ได้ลด ก็ได้แต้มบัตรเครดิต แต้มเก็บไว้เยอะๆ ก็เอามาแลก voucher ห้างสรรพสินค้า เอาไปซื้อของได้ ไม่ต้องเสียเงิน ถ้าเป็นพ่อเรา จะถึงขั้นคำนวณรอบบิลด้วย และเลือกใช้บัตรที่รอบนานที่สุด เช่น ซื้อของตอนวันที่ 1 ก็เลือกใช้บัตรที่เพิ่งตัดรอบบิลไปตอนช่วงสิ้นเดือน เพราะนานกว่าของที่ซื้อวันนี้จะมาเรียกเก็บเงิน ถ้าเราไม่ดู ซื้อของวันที่ 1 แต่ใช้บัตรที่ตัดรอบบิลวันที่ 5 อาทิตย์หน้าใบเรียกเก็บเงินก็มาแล้วล่ะ เงินจ่ายให้ช้าที่สุด ยิ่งดี เพราะเงินสดอยู่ในแบงค์มันได้ดอกเบี้ย (ถึงแม้จะน้อย แต่ก็ได้) และที่บอกแหละว่าจ่ายให้ช้าที่สุด ดังนั้นถ้าซื้อของแล้วมีผ่อน 0 % ต่อให้มีเงินสดพอ ก็จะผ่อน เพราะเงินยังอยู่กับเรา : )
5. ซื้อของเงินผ่อนไม่ใช่เรื่องหน้าอาย ก็บ้านไม่ได้ร่ำรวย ถ้ามัวรอเก็บเงินให้ได้ห้าหมื่นเพื่อซื้อคอมพิวเตอร์ หรือ ห้าแสนเพื่อซื้อรถ หรือ ห้าล้านเพื่อซื้อบ้าน ชาตินี้คงไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ผ่อนไปเถอะ ถ้าอะไรที่คุณคิดว่าจำเป็นกับชีวิตคุณและครอบครัว >>> แต่ทั้งนี้ต้องมีวินัยทางการเงิน และไม่ทำอะไรเกินตัวนะ
6. อันนี้เค้าไม่ได้สอน แต่เราเป็นของเราเอง สืบเนื่องมาจาก ข้อ 4. จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตตลอด เคยมั้ย ยังไม่ทันสิ้นเดือนแต่เงินหมดแล้ว เอาไปทำอะไรมั่งว๊าาาา จำไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่าย การจ่ายทุกอย่างด้วยบัตรเครดิต พอบิลมาเรียกเก็บเราจะเห็นหมดว่าเราใช้เงินทำอะไรบ้าง เราจะได้รู้ว่าเดือนนี้ใช้จ่ายอะไรเยอะ เดือนหน้าจะปรับยังไง หรือ เดือนๆนึงเราเติมน้ำมันไปเท่าไหร่ ซื้อกับข้าวไปกี่บาท ฯลฯ >>> แต่ทั้งนี้ต้องมีวินัยทางการเงิน และไม่ทำอะไรเกินตัวนะ ไม่งั้นไม่มีเงินจ่ายบัตรเครดิตอีก
สรุปสุดท้าย >>> เราน่ะเน้นใช้บัตรเครดิตมากเลยนะ เงินสดไม่ค่อยจะพกเท่าไหร่ จะทำอย่างงี้ได้เตือนก่อนเลยว่า วินัยทางการเงิน สำคัญที่สุด ****อย่าใช้เงินเกินตัว จ่ายบัตรให้ตรงเวลา****