(ย้อนความรู้ชีววิทยาสมัยมัธยมกันนิดนึง....ปกติใน 1 รอบเดือน รังไข่จะผลิตฮอร์โมน estogen ปริมาณมาก เพื่อกระตุ้นให้เยื่อบุมดลูกเจริญและหนาตัวขึ้น มีเส้นเลือดมาเลี้ยง เพื่อเตรียมรับการตั้งครรภ์ ถ้าไข่ตก เเละได้รัยการผสม ก็จะเข้าไปฝังตัวอยู่ในเยื่อบุมดลูก เเต่ถ้าไม่ได้รับการผสม ไข่ก็จะสลายไป ระดับฮอร์โมนก็จะลด และ เยื่อบุมดลูกก็จะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน) จุดที่มันจะไปขึ้นก็มี รังไข่ ท่อนำไข่ ผนังด้านนอกของมดลูก ลำไส้ และอวัยวะอื่นๆในช่องเชิงกราน ทีนี้มันก็มีการหลุดลอกตามวัฏจักรของรอบเดือนน่ะเเหละ เเต่เพราะมันไม่ได้อยู่ในมดลูก มันก็เลยออกมาทางช่องคลอดเเบบประจำเดือนไม่ได้ ทำให้เกิดการอักเสบเเละกลไกของร่างกายสร้างผังผืดมาล้อมมันเอาไว้ พอเป็นอย่างงี้นานๆเข้า ผังผืดก็หน้าขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นถุงน้ำ (cyst) เเละเลือดที่ขังอยู่ข้างในก็จะข้นขึ้นเเละสึคล้ำเหมือนชอกโกแลต เค้าก็เลยเรียกไอ้เจ้าถุงเลือดนี้ว่า Chocolate cyst นั่นเอง
ถ้าเยื่อบุมดลูกแทรกตัวไปในกล้ามเนื้อมดลูก เเล้วมันก็จะสร้างผังผืดซึ่งทำให้ปวดท้องมากเวลามีปะจำเดือน เเละมีบุตรยาก (โรคนี้เรียกว่า Adenomyosis)
อาการทั่วไปในโรคกลุ่มนี้ (เรียกรวมนะ เพราะมันเป็นตระกูลเดียวกันอ่ะ เกิดจากที่เยื่อบุมดลูกมันเจริญผิดที่)
1. ปวดท้องเวลามีประจำเดือน บางรายปวดลามไปถึงหลัง
2. ประจำเดือนผิดปกติ มาน้อย มามาก มาประปิดประปอย ฯลฯ
3. เจ็บปวดเวลามีเพศสัมพันธ์
จริงๆเเล้วโรคนี้ไม่อันตรายถึงชีวิต เเต่มันสร้างความรำคาญ เเละเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต เพราะอาการปวดท้อง เเละ มีลูกยาก
สาเหตุของโรค ....สาเหตุที่แท้จริงนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด สันนิษฐานว่าเกิดจากเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไป (ซึ่งมันก็มีเซลล์เยื่อบุมดลูกอยู่) เเล้วไปฝังตัวอยู่ตามอวัยวะต่างๆ
ปัจจัยเสี่ยง จริงๆทุกคนมีสิทธิเป็นโรคนี้ เเต่ปัจจัยที่มีผลให้เสี่ยงมากขึ้นก็คือ
1. มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้
2. มีประจำเดือนตั้งเเต่อายุน้อย เเละมีรอบสั้น เช่น เดือนละ 2 ครั้ง หรือ มีประจำเดือนมากกว่า 7 วัน
การป้องกัน
1. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือน (เพราะจะทำให้ประจำเดือนไหลย้อนกลับ)
2. มีลูกเร็วๆ (เพราะเวลาตังครรภ์ จะไม่มีประจำเดือน ฮอร์โมนที่เปลี่ยนเเปลง ทำให้เยื่อบุมดลูกฝ่อลง)
การรักษา
1. ใช้ยา (ฮอร์โมน) เพื่อไม่ให้มีประจำเดือน ทำให้เยื่อบุมดลูกไม่เจริญขึ้นมา
2. ผ่าตัด
3. ใช้ยาร่วมกับการผ่าตัด
(ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaiclinic.com/endometriosis.html, http://www.ladinaclub.com/en/women-health/detail.php?KnowledgeID=373, http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=looknava&date=15-06-2007&group=4&gblog=1)
เอาล่ะ ทฤษฎีเเล้ว มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า.....ไอ้ที่พูดมา 3 โรค เราเป็นหมดเลยทั้ง 3 โรค T_T
ทำไมเราถึงไปตรวจ มีความผิดปกติยังไง ?
เราเป็นคนที่ประจำเดือนมาตรงเวลา 28 วัน มาหลายปีเเล้ว เเต่ช่วงหลังมาไม่ค่อยตรง เราก็เลยกินยาสตรี มันก็เลยมาตรงเหมือนเดิม เเต่พอเดือนเมษาปีที่เเล้ว ประจำเดือนมาช้าไปสองอาทิตย์ ทั้งๆที่กินยาสตรีเเล้วนะ นอกจากมาช้าเเล้ว มันยังมา 8 วัน (ปกติเรามา 6 วัน) แถมวันท้ายๆ ยังเป็นเลือดสีแดงสดอีกต่างหาก
เรารอดูอาการอีกหนึ่งเดือน คือเดือนพฤษภา ปรากฎว่าก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือมาช้า เเละมานานผิดปกติ ประกอบกับ...ไม่รู้คิดไปเองรึป่าวนะ พุงเราป่องมากๆ ตอนเช้าตื่นมาพุงควรฟีบ เเต่ดันป่อง เเถมแขม่วไม่ลงด้วย เราก็เลยไปตรวจที่โรงพยาบาล V หมอบอกว่าเป็น chocolate cyst ขนาดเกือบๆ 2 เซ็นต์ฯ ที่รังไข่ข้างซ้าย เเต่ของดูอาการเดือนหน้าก่อนว่าเป็นไง ถ้ามันโตขึ้นก็ต้องรักษา พอเดือนมิถุนา เราไปหาหมออีกที ปรากฎว่า ขนาดโตเป็น 3 เซ็นต์ฯเเล้ว หมอบอกว่ามันโตเร็วมาก ต้องผ่าออกอย่างเดียว เพราะกินยาคงเอาไม่อยู่ เราก็เลยย้ายไปหาหมอที่โรงพยาบาล N เพราะเป็นอาจารย์หมอของพี่ชายเรา เพื่อตรวจอีกรอบ ตรวจเเล้วหมอบอกว่าเราเป็นทั้งสามอย่าง เเละเป็นเยอะมาก มีถุงขนาด 3 เซ็นต์ กับ 6 เซ็นต์ อยู่ในรังไข่ข้างซ้าย ฉะนั้นต้องผ่าสถานเดียว เเล้วก็ต้องฉีดฮอร์โมนดูเเลมันอีก 2 ปี
รูปข้างล่างนี้ คือมดลูกเราเอง 555 เราผ่าตัดแบบส่องกล้องน่ะ หมายเลข 1 คือ มดลูก หมายเลข 2 คือรังไข่ข้างซ้าย หมายเลข3 คือรังไข่ข้างขวา สังเกตได้ว่า รังไข่ข้างขวาจะฟีบๆ เเต่ข้างซ้ายนี่ เต่งมากๆ (ก็มีถุงน้ำรวมตั้ง 9 เซ็นต์ อ่ะ )
อีกรูปคือตอนที่เจาะรังไข่เเล้ว เลือดจะคล้ำๆ เหมือนสีชอกโกแลต
ตอนที่ผ่าใช้เวลานานมาก เเถมต้องสวนก้นให้หมดไส้หมดพุง (ทำdetox ดีๆนี่เอง) ทรมานอ่ะ หลังจากผ่า หมอบอกว่า นอกจาก chocolate cyst ในรังไข่เเล้ว เราก็มีผังผืดเกาะที่ลำไส้ เเละท่อนำไข่ (มันกำลังจะลามไปเเล้วววววววว) เเละมี Adenomyosis เล็กน้อย เเต่อันนี้ผ่าไม่ได้ ให้อดทนต่อไป
หลังจากผ่าเเล้ว เราต้องฉีดฮอร์โมน (ถ้าพูดง่ายๆก็คือยาคุมน่ะเเหละ) เพราะเราเป็นค่อนข้างหนัก โรคนี้เป็นแล้วไม่หายขาดนะ หลายๆปีผ่านไป มันก็จะเกิดอีก เเละจากอายุเรา เจอขนาดใหญ่อย่างงี้ มีเเนวโน้มว่ามันจะกลับมาเป็นภายในไม่กี่ปี เลยต้องควบคุมไว้ ยาที่เราฉีดคือ DMPA (depot medoxy progesterone acetate) ซึ่งคือยาคุมชนิดฉีดนั่นเอง ในการคุมกำเนิดจะฉีด DMPA 150 mg ทุก 3 เดือน เเต่ในการรักษา endometriosis เคสเรา คือ ฉีด 100 mg ทุกเดือน (คิดูละกันว่าปริมาณ ฮอร์โมนจะเยอะขนาดไหน)
กลไกการทำงานของ DMPA
จริงๆผลข้างเคียงของ DMPA มีมากกว่านี้นะ หมอที่รักษาเราบอกมา มันจะทำให้เราเหมือนคนวัยทอง จะร้อนวูบวาบ อารมณ์หงุดหงิด มวลกระดูกลดลง ทำให้เราต้องกินเเคลเซียมเสริมด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวกระดูกพรุน T-T ก็รักษากันต่อไป.....ตอนนี้เราฉีดมาปีนึงละ เลยลด dose ลง เหลือ 3 เดือน ฉีดครั้ง
หวังว่าคงไม่เป็นอีก ในเร็ววันนี้
รู้สึกเขียน blog นี้ วนไปวนมาไงไม่รู้ คือมีข้อมูลเยอะอ่ะ อยากพูดไปหมดเลย ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มก็ถามมาได้นะ ตอนนี้เชี่ยวชาญเรื่องนี้พอสมควรเลยล่ะ
ให้ข้อมูลละเอียดดีจัง หายเร็วๆ นะค่ะ เป็นกำลังใจให้ มีพี่สาวเพื่อนเป็นเหมือนกัน หลังจากผ่าแล้วเขาเป็นใหม่อีกหมอบอกให้ผ่าอีกครั้ง เขายังไม่ยอมผ่าเพราะหมอก็ไม่รับรองว่าจะเกิดอีกไหม ต้องไปหาหมออื่นเพื่อฟังความเห็นที่สาม (ฟังความเห็นหมอหลายๆคน) แล้วก็มาทานชาเขียวปรากฏว่าไปตรวจอีกก็ไม่พบแล้ว แต่ก็ยังกังวลอยู่ อย่างไรก็ตามขอให้ไม่เป็นอีกนะค่ะ
ReplyDeleteอ่า เป็นอะไรนักเนี่ยยยยย
ReplyDeleteดูแลตัวเองเยอะๆ เน้อ
เราเป็นchocolate cyst ขนาด 7 cm ,3 cm กำลังรอผ่าตัดอยู่
ReplyDeleteกลัวเหมือนกันว่าจะมีลูกยากคะ ตอนนี้กำลังจะ 29 ยังไม่ได้แต่งงาน แต่สงสัยต้องรีบมีลูกด่วน
เป็นเหมือนกัน ตอนนี้กำลังลองเขียนบล็อกของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่
ReplyDeleteผ่าตัดส่องกล้อง มาเมื่อ2 วันก่อน ตอนนี้มีแผ่นปิดพุงอยู่4ที่ ผลการผ่าที่ออกมาบางจุดก็เกินความสามารถคุณหมอ เฮ้อ มดลูกหนามากก็โดนขูด มีวีดีโอให้ดู ดูไปก็อึ้งไป
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีนะคะ :)
ReplyDeleteตอนนี้กำลังเจอปัญหาเกี่ยวกับผังผืดที่มดลูก เวลาเป็นประจำเดือนจะปวดหน่วงที่ท้องน้อยข้างขวาและปวดร้าวไปข้างหลังช่วงเอว ปวดทรมานมาก มีคลื่นไส้อาเจียนตลอดรวมทั้งปวดศรีษะด้วย จนได้นอนโรงพยาบาลต้องฉีดยาแก้ปวดทุก 4 ชั่วโมง ..เดือนหน้าหมอนัดฉีด DMPA..แต่ไม่รู้ว่ามันจะปวดท้องก่อนหมอนัดหรือเปล่า
ReplyDeleteขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันค่ะ เพราะเพิ่งแจ๊คพ็อตแตกตรวจเจอมาเมื่อกี้นี้เอง หมอเลยแนะนำให้มาหาความรู้เพิ่มเติมค่ะ
ReplyDelete