สำหรับเมืองที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก ทำให้ต้องมีการจำกัดการใช้ทรัพยากรอย่างไต้หวันนั้น ก็จะคล้ายๆกับญี่ปุ่น คือ..ผู้คนใช้รถไฟฟ้าใต้ดินในการเดินทาง + เดินเอาเอง คนจะไม่ค่อยใช้รถยนต์กัน เหตุผลหลักๆก็น่าจะเป็นเพราะรถไฟฟ้าใต้ดินครอบคลุมพื้นที่ทำให้เดินทางสะดวก ค่าตั๋วก็ถูก และที่จอดรถยนต์ไม่ค่อยมี ถึงมีก็ค่าจอดแพงมากกก (เคยไปทานข้าว แล้วจอดรถในที่จอดสาธารณะ ชั่วโมงละ 60 บาทอ่ะ) เวลาเราไปเราก็ใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักเหมือนกัน
รถไฟฟ้าใต้ดินที่นี่เรียกว่า เจี๋ยวิ้น ระบบก็คล้ายๆกับเมืองไทยคือซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆ หรือว่าจะใช้บัตรเติมเงิน คล้ายๆบัตร Rabbit บ้านเรา แต่บัตรของที่นี่ชื่อว่า Easycard เรียกอีกชื่อว่า Yoyo Card
อย่างที่บอกว่าคล้ายๆบัตร Rabbit บ้านเรา คือนอกจากจ่ายค่ารถไฟใต้ดินแล้วก็จ่ายเงินซื้อของตามร้านค้า อย่าง เซเว่น สตาร์บัค รถแท๊กซี่ รถเมล์ หรือค่าจอดรถจามห้างสรรพสินค้า หรือ ลานจอดสาธารณะได้ด้วย เรียกว่ามีบัตรเดียวใช้ได้ทุกที่ ไม่ต้องแยกพกหลายใบเหมือนเมืองไทย
ส่วนแผนที่เส้นทางเดินรถไฟใต้ดินนั้น แนะนำเลยว่า กรุณาเช็คอีกครั้งที่สถานีด้วย เพราะที่นี่เค้ามีการเปลี่ยนเส้นทางเดินรถนะ คือ....ชื่อสถานีน่ะเหมือนเดิม แต่ว่าจากเดิม คุณเคยนั่งต่อเดียวถึง อาจจะต้องมีการเปลี่ยนรถ หรือเดิมเคยเปลี่ยนสาย 2 ต่อ อาจจะเหลือต่อเดียว (เพราะเค้ามีการสร้างต่อขยายไปเรื่อยๆ)
นี่เป็นรูปแผนที่ที่เราถ่ายไว้ตอนปี 2011
นี่เป็นรูปปี 2014 เอามาจาก http://english.metro.taipei/ct.asp?xItem=1056373&CtNode=70241&mp=122036
สถานีรถไฟใต้ดิน
ที่ไต้หวันมีวัฒนธรรมการเดินขึ้นลงบันไดเลื่อน ชิดขวา นะคะ ถ้ายืนเฉยๆ อยู่ด้านขวา ใครรีบก็เดินด้านซ้าย เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ไม่มีใครนอกคอก (ที่รถไฟใต้ดินนี่จะเคร่งครัดกันมาก แต่ถ้าตามห้างสรรพสินค้าก็ยืนกันทั้งซ้ายขวา ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีใครรีบเดิน คนก็จะหลบมาด้านขวาให้
ไม่รู้จะดูรูปออกมั้ย ชิดขวากันหมด
ส่วนในที่ๆรถไฟใต้ดินยังไปไม่ถึง หรือเดินไกลมากกกก ก็ใช้บริการแท็กซี่ได้ แท็กซี่ที่นี่ไม่ถูกนะ แต่บริการดี รถแท็กซี่มีสีเดียวคือสีเหลือง เยอะ หาง่าย อยากโบกตรงไหนก็โบกได้ (เหมือนเมืองไทย) รถแท็กซี่นั่งได้แค่ 4 คนนะ ไม่งั้นตำรวจจับ
รถบางคันก็จะมีทีวีให้ดูด้วย ไม่ได้มีรายการอะไรนะ มีโฆษณาเปิดให้เราดู
อัตราค่าแท็กซี่ ถ้าเป็นตอนดึก หรือเทศกาลอย่างตรุษจีนที่คนเยอะ รถน้อย ก็จะมีการเพิ่มค่าโดยสาร แต่เค้าเพิ่มเป็นระบบนะ มีป้ายแจ้งในรถด้วยเผื่อคนที่ไม่รู้ และนั่งท่องเที่ยว ฉะนั้นบางช่วงเวลามีการเก็บเงินเพิ่มเติมจากมิเตอร์ก็ไม่ต้องโวยวายไป เช็คดีๆก่อน
แล้วจะออกไปเที่ยวนอกเมืองทำยังไง......อันนี้บอกเลยว่าไม่รู้จ้าาาาาา อยู่แต่ในไทเปเป็นส่วนใหญ่ เวลาไปนอกเมืองเราก็นั่งแค่รถไฟ จากนั้นก็มีรถมารับ ก็เลยไม่รู้ว่าแต่ละเมืองเค้ามีรถอะไรไว้บริการบ้าง ก็เลย....ขอพูดถึงแต่รถไฟก็แล้วกัน คือ.....ระบบเค้าก็จะคล้ายๆญี่ปุ่นอ่ะนะ มีรถไฟหลากหลาย ทั้งแบบด่วน แบบธรรมดา แบบหวานเย็น และบนรถก็จะมีพนักงานเข็นรถมาขายขนมขายน้ำ (และมีมาเข็นรถเพื่อเก็บขยะด้วย ทำให้รถสะอาด ไม่มีการเอาขยะเหน็บไว้ที่หน้าเก้าอี้ หรือตามที่วางแก้ว)
การซื้อตั๋วรถไฟ สามารถเช็คตารางเดินรถ หรือ จองตั๋ว ได้ที่ http://www.railway.gov.tw สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ 2 สัปดาห์ แต่ว่าต้องเอาตั๋วภายใน 2 วันหลังจากจองนะ ไม่งั้นระบบก็ตัดตั๋วเราออก จากนั้นก็เอารหัสไปรับตั๋ว + จ่ายเงินที่สถานี หรือจุดรับตั๋วต่างๆ (ธนาคาร และร้านสะดวกซื้อ เซเว่น แฟมีลี่มาร์ท ไฮไลฟ์ โอเค) ซึ่ง....ตรงนี้ไม่ค่อยสะดวกกับนักท่องเที่ยวอย่างเราเท่าไหร่ ยกเว้นว่าเราจะอยู่ในไต้หวันแล้วค่อยจองตั๋ว ซึ่ง....ถ้าเป็นงั้นเดินไปซื้อที่สถานีเลยก็ได้มั้ง
ตั๋วปกติจะเป็นใบเล็กๆ และด้านหลังเป็นสีดำๆ สามารถสอดเข้าประตูทางเข้าชานชลาได้เลย เหมือนญี่ปุ่นอ่ะ (ไม่มีรูป) แต่อันนี้เป็นตั๋วที่ไปรับที่แฟมิลี่มาร์ท จะเป็นใบใหญ่คล้ายๆตั๋วของไทยทิกเก็ตมาสเตอร์บ้านเรา แต่เป็นกระดาษบางๆหน่อย
จริงๆบนรถไฟก็มีคนเดินตรวจตั๋วนะ ตรวจแล้วก็จะเจาะตั๋วเรา แต่เนื่องจากเราหลับ...ก็เลยไม่ได้ตรวจตั๋วอ่ะ
ชานชลาที่รอรถไฟ รถไฟเค้าตรงเวลานะ อย่ามาเลทล่ะ
สภาพบนรถไฟ (อันนี้มีรถสองแบบนะ คันนึงจะด่วน >>> สังเกตุว่ารถใหม่ ดูดีกว่า อีกคันนึงเราไม่แน่ใจว่าธรรมดาหรือหวานเย็น รถก็จะเก่ากว่า)
มีแผนผังรถไฟอยู่ตรงโต๊ะหน้าที่นั่ง ทำให้เรารู้ว่า ห้องน้ำ หรือตู้กดน้ำอยู่ตรงไหน
มีที่วางเท้าด้วย
แถมนิดนึง เรื่องความปลอดภัย (เพราะเราเป็น QHSSE เก่า = Quality Health Safety Security Environment) เนื่องจากคนส่วนใหญ่ใช้บริการรถไฟใต้ดินกันเยอะ สำหรับประเทศที่เน้นเรื่องความปลอดภัย และ มีภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว (คล้ายญี่ปุ่นอีกละ) แน่นอนว่าจะต้องมีการให้ความรู้ประชาชน + นักท่องเที่ยวนะ หน้าจอทีวีตรงจุดยืนรอรถไฟของเค้าไม่ได้ฉายโฆษณาแบบบ้านเราเท่านั้น เค้ายังฉายวีดีโอว่าถ้าเกิดมีแผ่นดินไหวตอนอยู่ในสถานีจะทำยังไง จะเดินไปไหน จะหลบตรงไหน คือ......เหมือนบนเครื่องบินอ่ะ รู้ว่าคนอาจจะไม่ค่อยตั้งใจดูวีดีโอเซฟตี้ แต่ก็เปิดไว้ คนเห็นหลายๆรอบก็พอจะเข้าหัวบ้างแหละ (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้) แล้วเค้าก็ยังมีป้ายสอนว่าเกิดเหตุคนมาทำร้ายหรือเหตุฉุกเฉินจะต้องทำยังไงด้วยนะ
ซึ่ง...เราชอบป้ายด้านซ้าย คือเค้าบอกว่ามีเหตุเมื่อไหร่ ให้เรา Defend yourself with what you can find แล้วเป็นรูปยกร่ม ยกเป้ ขึ้นมาด้านหน้า มันดูฮาดีอ่ะ เห็นภาพด้วยว่า เออ อะไรใกล้ตัว ป้องกันตัวเองได้บ้าง
แถมที่สถานียังมีเจ้านี่ด้วย เราเรียกไม่เป็น AED เครื่องกระตุกหัวใจแบบอัตโนมัติใช่มั้ยอ่ะ
ส่วนในสถานีรถไฟ เค้ามีบริเวณยืนรอสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะด้วย เผื่อเดินทางตอนดึก หรือเช้ามืดที่คนน้อยๆ มีกล้องวงจรปิด และมีรปภผู้หญิงอยู่ด้วย เราว่ามันดีนะ รู้สึกปลอดภัยในชีวิตมากเลย