Thursday, September 15, 2011

My Life in Taiwan Part 4 : มังสวิรัติ

ไต้หวันเป็นประเทศที่อาหารอร่อยมากๆ (อาหารจีนอร่อยอยู่แล้ว) แถมร้านแปลกๆก็มีเยอะแยะ หลายๆคนอาจจะเคยได้ fwd mail ร้านที่ตกแต่งเป็นส้วม หรือว่า ร้านกาแฟที่เป็นคิตตี้ (สองร้านนี้อยู่ในไต้หวัน) คราวก่อนที่มา เรากินหลายอย่างมากมาย เพราะว่าญาติๆพาไปกิน เจ้าดังๆ ของขึ้นชื่อทั้งนั้น ในวงเล็บว่าของอร่อยของคนท้องถื่นนะ ฉะนั้น ร้านที่เราไปก็จะเป็นร้านบ้านๆหน่อย มีแต่คนไต้หวัน ไม่ได้มีนักท่องเที่ยว หรือเมนูภาษาอังกฤษอะไร
มาคราวนี้….ของกินอร่อยๆ แบบคราวที่แล้ว ไม่ได้ทาน เนื่องจากว่าติดสอยห้อยตามคุณสามีและทีมงานซึ่งกินมังสวิรัติ เที่ยวนี้เราเลยกินมังสวิรัติตลอดทุกมื้อ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยกินจริงๆจังๆเลยนะ เพราะเราไม่ชอบกิน หมี่ซั่ว และพวกหมี่กึง เทศกาลกินเจในเมืองไทยก็ไม่เคยกินกะเค้า (ถ้าใครเคยอ่านบล๊อกเก่าๆ อาจจะงงว่า อ้าว แล้วเอ็งบอกว่า กินมังสวิรัติทุกวันจันทร์ เอ็งกินอะไรฟะ ปกติวันจันทร์เราจะกินอาหารปกติ เพียงแต่ไม่ใส่เนื้อสัตว์อ่ะค่ะ เช่น ข้าวราดผัดผักโปะไข่ดาว ยากิโซบะไม่ใส่หมู เฟรนซ์ฟราย ขนมปัง เค้ก อะไรอย่างงี้) พอมากินที่ไต้หวัน ทัศนคติเรื่องอาหารมังสวิรัติเลยเปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะว่าอร่อยมากกกกกกกก

เราไม่รู้ว่าอาหารมังสวิรัติ หรือ อาหารเจ ที่เมืองไทย อร่อยอย่างงี้รึป่าว เพราะไม่เคยกิน แต่เรารู้ว่าที่นี่อร่อยมากค่ะ แถมหากินง่ายมาก เพราะคนที่นี่นิยมกินกันพอสมควร (เรียกได้ว่าร้านอาหารมีเมนูมังสวิรัติ ควบคู่กับเมนูปกติเลยล่ะ) ขนาดร้าน ชาบู ชาบู ยังมีเซ็ทมังสวิรัติเลยคิดดู ภัตตาคารมังสวิรัติแบบบุฟเฟ่ตก็มี อาหารก็มีความหลากหลายไม่ใช่มีแต่สารพัดผัดผัก แล้วพวกอาหารเลียนแบบเนื้อสัตว์ที่นี่ เราว่าทำได้ดีมากเลยค่ะ รสชาตดี ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นแป้ง หรือก้อนอะไรดึ๋งๆ จริงๆการกินมังสวิรัติไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเรานะ เพราะเราชอบกินเห็ด กินเต้าหู้ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักๆในอาหารมังสวิรัติเลยล่ะ เราก็เลยมีความสุขดี

กินมังสวิรัติมาเกือบเดือน ไม่รู้สึกโหยหาเนื้อสัตว์เลยนะ แปลกดี แต่เราโหยหาอาหารไทยมากๆ อยากกินพวกแกงกะทิเผ็ดๆอ่ะ แกงเขียวหวาน ฉู่ฉี่ อะไรอย่างงี้ และ……อยากกินส้มตำจังเลย

แล้วมีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นในชีวิตมั้ย ? มีแน่ๆคือ ระบบขับถ่ายดีขึ้นเยอะ เพราะมีกากและเส้นใยเยอะขึ้น (มาก) สมดุลในร่างกายคิดว่าดีขึ้น เนื่องจากว่า อาหารจีนเค้าเน้นหลักสมดุลหยินหยางอ่ะนะ (ร้อนกับเย็น) ยกตัวอย่างเช่น เห็ดหูหนูซึ่งเป็นของเย็น เค้าก็จะผัดใส่ขิงซึ่งเป็นของร้อน ทำให้มีความสมดุลอะไรอย่างงี้เป็นต้น

เราว่าจะไปเจาะเลือดเช็คคลอเรสเตอรอลซะหน่อย ว่าลดลงรึป่าว (มันน่าจะลด เพราะว่าไม่ได้ทานของคลอเรสเตอรอลสูง อย่างของทอดๆ อาหารทะเล หรือว่าเครื่องใน) ถ้าลดก็ดี เพราะระดับคลอเรสเตอรอลเราสูงอ่ะ ส่วนน้ำหนัก…คาดว่าเพิ่ม เพราะว่า อยู่ดีกินดี มีคนเอาโน่นเอานี่มาให้กินทั้งวัน

2 comments:

  1. เห็ดหูหนูผัดขิงนี่อาหารจีนเหรอ ฮ่าๆ เพิ่งรู้...บ้านเราจีนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!!!

    ReplyDelete
  2. วัตถุดิบเหมืิอนๆกัน แต่เค้าผัดไม่เหมือนเมืองไทยนะเราว่า ผัดจืดๆหน่อยอ่ะ ใส่น้ำมันงา

    ReplyDelete